วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

วิธีฝึกจิต


     ในตำราโยคะแนะนำวิธีฝึกไว้ 2 แบบ 

             
แบบ ที่เรียกว่าฝึกสมาธิขณะปฏิบัติหน้าที่ (Active Mediatation) และวิธีตั้งใจฝึกสมาธิแบบเข้มข้น (Passive Mediatation)

แบบที่ 1    ฝึกสมาธิขณะปฏิบัติหน้าที่ (Active Mediatation) คือ ไม่ว่าจพทำอะไรขอให้มีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น เมื่อท่านเดิน พูด รับประทานอาหารหรือท่านมีอาชีพอะไรก็ตาม เช่น นักดนตรี จิตรกร นักปั้น นักเขียน ขอให้มีสติอยู่ในขณะปฏิบัติงานอย่างแน่วแน่ เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถพัฒนาจิตของแบบที่เรียกว่า ฝึกสมาธิขณะปฏิบัติหน้าที่
            จะเห็นได้ว่าท่าโยคะทั้งหมดในขณะที่เราเคลื่อนไหวท่าของแต่ละขั้นตอน หะฐะโยคะ สอนให้เราใหช้ลมหายใจคุมท่า เป็นการช่วยให้เรามีสติอยู่กับการปฏิบัติตลอดเวลา เป็นอุบายให้เราได้ฝึกทั้งกายและจิต ผลก็คือมีสุขภาพกายและสุขภาพที่สมบูรณ์

แบบที่ 2    ตั้งใจฝึกสมาธิแบบเข้มข้น (Passive Mediatation) จำเป็นต้องเลือกท่าที่นั่งหลังตรง ต้องเป็นท่าที่ผ่อนคลาย สบาย ไม่ฝืน เช่น ทำนั่งดอกบัวหรือท่าปทุมอาสนะ หรือนั่งในท่าคุกเข่า นั่งบนเก้าอี้ที่เรียกว่านั่งแบบอียิปต์ก็ได้ ส่งสมาธิที่หน้าท้องหายใจเข้าท้องพอง หาใจออกท้องแฟบ ในขณะนี้อาจจะมีความคิดเข้ามามากมาย ปล่อยให้ผ่านไป ไม่ต้องไปวิเคราะห์หรือยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น เราจะใช้คำมนตรานำสมาธิก็ได้ เช่น คำว่า โอม เป็นคำสากล หรือจะใช้พุทธ ตอนหายใจเข้า โธ หายใจออก การฝึกสมาธิทั้ง 2 แบบ จะช่วยให้จิตผ่านระดับล่างไปอย่างง่ายดาย เข้าขอบเขตจิตระดับปานกลางรู้จักวิเคราะห์และต่อไปจิตยกระดับเข้าขอบเขตที่มีความรู้สึกตัวสูงหรือมีสติดีเป็นเลิศ

                           จะเห็นได้ว่าการฝึกท่าโยคะหรืออาสนะ เราได้ฝึกจิตขณะปฏิบัติหน้าที่และสละเวลาวันละ 25-30 นาที ฝึกจิตหรือสมาธิแบบนั่งตั้งใจฝึก ผลที่ได้รับคือ เสริมสร้างสุขภาพจิตให้สมบูรณ์ได้




คุณประโยชน์ของโยคะด้านเสริมสร้างสุขภาพจิต


                วิชาโยคะได้แบ่งระดับของจิตไว้เป็น 3 ระดับ 







1. จิตในระดับล่างหรือหยาบ (The Lower Mind) จิตระดับนี้มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ของร่างกาย เป็นขอบเขตของจิตที่รับรู้โดยสัญชาตญาณ ส่วนนี้ของจิตยังมีความสับสน ความกลัว ความไม่กล้า และความหลงใหล ใฝ่ฝัน ให้ปรากฏออกมา (จิตรับรู้เพียงผิวเผิน)


2. จิตระดับกลาง (the Middle Mind) จิตอยู่ในระดับที่รับรู้ข้อมูลและส่วนนี้ของจิตสามารถวิเคราะห์ แยกแยะหรือเปรียบเทียบอย่างมีเหตุมีผลและสรุปออกมาชัดแจ้งในข้อมูลที่ได้รับ จิตอยู่ในขอบเขตที่มีสติหรือมีความคิดที่เข้าใจเหตุผล ที่เรียกว่า (Intellectuat Thinking) รู้เหตุรู้ผล


3. จิตในระดับมีสติดีเป็นเลิศ หรือความฉลาดลึกล้ำ (The Higher Mind) จิตที่อยู่ในขอบเขตที่มีอำนาจความนึกคิดสูงสุด มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นบ่อเกิดของความรอบรู้ ความเฉลียวฉลาด ปัญญาหลักแหลม จิตระดับนี้สามารถติดสร้างสรรค์หรือประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ให้ปรากฏเหมือนได้รับพลังเหนือธรรมชาติมาเกื้อหนุน

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

ท่าโยคะที่มีประโยชน์ต่อระบบฮอร์โมน


ประโยชน์ของท่าโยคะต่อระบบต่อมไร้ท่อ (ระบบฮอร์โมน)

            สารเคมีที่ผลิตมาจากต่อมไร้ท่อเรียกว่า ฮอร์โมน ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตอย่างมาก สารเคมีนี้จะไปตามกระแสโลหิต ไปหล่อเลี้ยงยังส่วนต่างๆ ของร่างกายและควบคุมการทำงานของอวัยวะนั้นๆ โดยเฉพาะ เช่น ฮอร์โมนเกี่ยวกับการย่อยอาหาร การทำหงานของระบบประสาทควบคุมจำนวนน้ำในร่างกายเป็นต้น แต่ฮอร์โมนในแต่ละชนิดมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องซึ่งกันและกันอยู่มาก
           
ต่อมพิตูอิตารี่ (PITUITARY) ตั้งอยู่ที่ฐานของสมอง ต่อมนี้ถือว่าเป็นแม่ของต่อมไร้ท่อ เพราะเหตุว่ามีหน้าที่ควบคุมการทำหน้าที่ของต่อมไร้ท่ออื่นๆ
เช่น ต่อมไธรอยด์ ต่อมพาราไธรอยด์ ต่อมหมวกไต ต่อมเพศ และตับอ่อน

            ท่าโยคะที่มีประโยชน์ต่อระบบฮอร์โมน

-  ท่ายืนด้วยไหล่
 ท่ากระต่าย ท่าเด็ก
-  ท่าธนู
-  ท่าคันไถ
 ---         ท่าปลา
-  อุทธิยานะ พันธะ (ท่าหดท้อง)
-  นอลิ (การเคลื่อนไหวช่องท้อง)

เมื่อได้ฝึกท่าเหล่านี้สม่ำเสมอและต่อเนื่งจะช่วยให้ต่อมพิทุอิตารี่ ซึ่งเป็นแม่ของต่อมไร้ท่อสมบูรณ์ สามารถควบคุมการทำหน้าที่ของต่อมไร้ท่องอื่นๆได้อย่างดีเยี่ยม และยังช่วยในการพัฒนาโครงร่างของเด็กวัยรุ่นให้รูปร่างสูงโปร่งสวยงาม การหลั่งของฮอาร์โมนสมดุล ช่วยให้การย่อยการดูดซึมอาหารดีขึ้นตับอ่อนแข็งแรงหลั่งฮอร์โมนอินซูลินสมดุล ป้องกันเบาหวาน

เป็นที่เชื่อได้ว่า เมื่อระบบฮอร์โมนสมบูรณ์ เป็นประโยชน์ต่อระบบสืบพันธุ์ไปด้วย ท่าโยคะที่กล่าวมายังช่วยให้อวัยวะสืบพันธุ์ทั้งของเพศชายและหญิงแข็งแรง มีประจำเดือนเป็นปกติ ไม่ปวดท้องเมื่อมีรอบเดือน เพศชายระบบสืบพันธุ์ปกติไม่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเมื่ออยู่ในวัยครองเรือนสามารถมีบุตร ธิดา เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ... :))

ประโยชน์ของท่าโยคะต่อระบบขับถ่าย


ประโยชน์ของท่าโยคะต่อระบบขับถ่าย

ของเสียของร่างกาย ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ กรดยูริค น้ำดี ปัสสาวะ อุจจาระ สิ่งที่ย่อยและดูดซึมไม่หมด ของเสียเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายหรือเป็นพิษ ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งควรถูกขับออกจากร่างกาย
  • แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ถูกขับออกโดยระบบการหายใจ
  • ระบบขับถ่ายปัสสาวะที่จะต้องขับกรดยูริค ยูเรีย อวัยวะที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ

- กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ
- ไต ท่อไต

และ อวัยวะที่กล่าวมาต้องแข็งแรง ท่าโยคะที่ช่วยได้มา

-  ท่างู
-  ท่าตั๊กแตน
-  ท่าปทุมอาสนะ
-  ท่าวัชโรลิ ((ยกขาเกร็งหน้าท้อง)

       ระบบขับถ่ายอุจจาระและกากอาหารที่ตกค้างนี้สำคัญมาก ต้องมีการถ่ายอุจจาระทุกวันระบบการย่อยอาหารที่ดีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยมากๆ เช่น ผัก ผลไม้ ฝรั่ง ลูกพรุน จะช่วยให้การถ่ายอุจจาระสะดวกขึ้น ทำโยคะที่ช่วยใก้กล้ามเนื้อหน้าท้องเคลื่อนไหวช่วยได้มาก เช่น

-  อุทธิยานะ พันธะ (ท่าหดท้อง)
-  นอลิ (การเคลื่อนไหวช่องท้อง)
-  ท่าคีม
-  ท่าศีรษะถึงเข่

            เมื่อได้ฝึกท่าโยคะที่กล่าวมาสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จะช่วยให้อวัยวะที่เข้ามาเกี่ยวข้องแข็งแรง หน้าที่ดี จะช่วยขับของเสียออกจากร่างกานจนหมดไม่ตกค้างให้เกิดพิษ

ประโยชน์ของท่าโยคะต่อระบบการย่อยอาหาร


ประโยชน์ของท่าโยคะต่อระบบการย่อยอาหาร


            อวัยวะที่สำคัญประกอบไปด้วย

  •   ท่องทางเดินอาหาร
  • อวัยวะที่ช่วยในการย่อย ได้แก่ ลิ้น ฟัน ต่อมน้ำลาย ตับอ่อนกระเพาะอาหารและตับ
            
            อวัยวะทั้งหมดนี้อยู่ในช่องท้อง ล้อมรอบด้วยกล้ามเนื้อท้องที่แข็งแรงและกระดูกเชิงกรานรองรับและมีกล้ามเนื้อกระบังลมคั่นกลางระหว่างอวัยวะในทรวงอก และอวัยวะในช่องท้อง การที่จะช่วยอวัยวะเหล่านี้ให้แข็งแรง โดยวิธีนวดตามธรรมชาติอยู่ตลอดเวลาตามจังหวะการหายใจ เมื่อหายใจเข้าท้องจะพองกล้ามเนื้อหน้าท้องจะขยายตัวและกล้ามเนื้อกระบังลมหย่อนลงมาในช่องท้อง เมื่อหายใจออกกล้ามเนื้อหน้าท้องจะบีบตัวหรือหดตัว ช่วยดันอวัยวะในช่องท้อง (รวมทั้งระบบการย่อยอาหาร) ขึ้นและลงตามจังหวะการหายใจ ซึ่งเป็นวิธีนวดคลึงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

           
ท่าโยคะที่มีประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหาร


1. หายใจที่ช่องท้อง หาใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องแฟบ
2. อุทธิยานะ พันธะ (ท่าหดท้อง)
3. นอลิ (การเคลื่อนไหวช่องท้อง)
4. ท่างู
5. ท่าคันไถ ท่าคีม
6. ท่าศีรษะถึงเข่า

เมื่อได้ฝึกท่าโยคะเหล่านี้สม่ำเสมอและต่อเนื่อง จะช่วยระบบการย่อยอาหารการดูดซึมสารอาหารเข้าไปในกระแสโลหิตไปหล่อเลี้ยงทุกอวัยวะในร่างกานให้สมบูรณ์



การฝึกท่างู Bhujangasana (Cobra Pose) 


วิธีการฝึก 







1. นอนคว่ำอยู่บนพื้น เท้าเหยียด มือวางไว้ข้างลำตัวในระดับไหล่ หน้าหันไปข้างได้ข้างหนึ่ง

2. กดเท้า กล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกลงบนพื้น 









3.     หายใจเข้าพร้อมกับหันหน้าตรง เอาคางจรดพื้น มือยันพื้นและเหยียดข้อศอก ยกศีรษะ ไหล่ หน้าอก เอวให้สูงขึ้นเงยหน้าไปด้านหลัง โดยส่วนที่ยังกดอยู่บนพื้นคือบริเวณหัวเหน่า ต้นขาและเท้า โดยที่ไม่มีอาการปวดหลัง

4.    ให้ค้างท่านั้น 15-30 วินาทีให้หายใจปกติ เวลาหายใจออกให้หย่อนตัวลงบนพื้นให้ทำซ้ำๆ 3 นาที





ท่าพลิกแพลง 







         เมื่อทำท่างูเสร็จก็ให้หันหน้ามองส้นเท้าซ้ายแล้วค้างไว้ 30 วินาที กลับสู่ท่าปกติแล้วหันไปทางขวา
ถ้ากล้ามเนื้อหลังแข็งแรงให้ยกมือขึ้น ให้ร่างกายคงท่าอยู่โดยใช้กล้ามเนื้อหลังเพียงอย่างเดียว
เมื่อทำท่างูได้ดีก็สามารถทำท่างูจงอางโดยการงอเข่าให้จรดศีรษะดังรูป 



             ประโยชน์ 



  • เพิ่มความแข็งแรงของกระดูกหลัง ไหล่ และกล้ามเนื้อหน้าท้อง 
  • กระชับกล้ามเนื้อสะโพก 
  • กระตุ้นอวัยวะในช่องท้อง 
  • ลดความเครียด 
  • ทำให้ปอดและหัวใจแข็งแรง 
  • ใช้รักษาโรคหอบหืด 


        ข้อห้ามฝึก 



  • มีโรคที่กระดูกสันหลัง 
  • ตั้งครรภ์ 
  • เส้นประสาทที่มือถูกกดทับ 
  • ปวดศีรษะ

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

ท่าโยคะที่มีประโยชน์ต่อระบบการหายใจ

 อวัยวะที่สำคัญของระบบหายใจประกอบไปด้วย

o  ปอด

o  หลอดลม หลอดลมแยก

o  หลอดคอ

o  หลอดเสียง

o  รูจมูกทั้งสองข้าง

อวัยวะทั้งหมดที่กล้าวมาต้องแข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทภาพ

และโดยเฉพาะรูจมูก หลอดลม หลอดเสียง ต้องสะอาด โล่ง ไม่มีอะไรมาอุดตันจะเห็นว่าการทำหน้าที่ของระบบหายใจและระบบไหลเวียนต้องทำหน้าที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด

                        ท่าโยคะที่มีประโยชน์ต่อระบบการหายใจ

            วิธีฝึกลมปราณหรือปราณยามะ วิธีทำความสะอาดรูจมูกทั้งสองข้าง วิธีเบ่งลมพิษหรือลมหมักหมมออกจากปอด ที่เรียกว่า CLEANSING BREATH

o  ท่าวัชระสมบูรณ์แบบ

o  ท่าปลา

o  ท่าสิงโต

o  ท่ายืนด้วยหัวไหล

o  ท่าหายใจแบบโยคะสมบูรณ์แบบ

ท่าโยคะเหล้านี้ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในกระแสโลหิต ไหลเวียนไปเลี้ยงทั่วร่างกาย

ท่าปลา Matayasana

วิธีการฝึก
การฝึกท่านี้จะเป็นการบริหารปอด ทรวงอกจะขยาย หลอดลมจะเปิดกว้างทำให้หายใจสะดวกและหายใจได้เต็มที่


1.             นอนในท่าศพ เมื่อพร้อมแล้วก็หุบขา มือวางข้างลำตัวให้มือคว่ำ
2.             วางมือหลังสะโพก ปลายนิ้วชี้ไปที่เท้ามือสอดไว้ใต้ก้น (ตำราบางเล่มให้ข้อศอกตั้งฉากดังในรูปล่าง)
3.             แอ่นลำตัวและอก เงยศีรษะไปด้านหลัง คอไม่เกร็ง ให้กลางศีรษะจรดพื้นคงท่าไว้ดังรูปบน(สำหรับผู้ที่ให้ศอกตั้งฉากก็ให้แอ่นอกและเงยหน้าให้มากที่สุดดังรูปล่าง)
4.             คลายท่าโดยการก้มคอกลับท่าเดิม
ท่าพลิกแพลง
                  สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกไม่ควรจะฝึก ให้ฝึกท่าปลาได้สักรยะหนึ่งโดยที่ไม่มีอาการปวดเมื่อยจึงให้ฝึกท่าพลิกแพลง การฝึกเหมือนท่าปลาแต่เท้าให้ขัดสมาธิ์เหมือนในท่าดอกบัว
  • ประโยชน์ช่วยลดอาการตึงคอ ไหล่และหลัง

 อวัยวะที่สำคัญของระบบหายใจประกอบไปด้วย

o  ปอด

o  หลอดลม หลอดลมแยก

o  หลอดคอ

o  หลอดเสียง

o  รูจมูกทั้งสองข้าง

อวัยวะทั้งหมดที่กล้าวมาต้องแข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทภาพ

และโดยเฉพาะรูจมูก หลอดลม หลอดเสียง ต้องสะอาด โล่ง ไม่มีอะไรมาอุดตันจะเห็นว่าการทำหน้าที่ของระบบหายใจและระบบไหลเวียนต้องทำหน้าที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด

                        ท่าโยคะหรืออาสนะ ที่มีประโยชน์ต่อระบบการหายใจ

            วิธีฝึกลมปราณหรือปราณยามะ วิธีทำความสะอาดรูจมูกทั้งสองข้าง วิธีเบ่งลมพิษหรือลมหมักหมมออกจากปอด ที่เรียกว่า CLEANSING BREATH

o  ท่าวัชระสมบูรณ์แบบ

o  ท่าปลา

o  ท่าสิงโต

o  ท่ายืนด้วยหัวไหล

o  ท่าหายใจแบบโยคะสมบูรณ์แบบ

ท่าโยคะเหล้านี้ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในกระแสโลหิต ไหลเวียนไปเลี้ยงทั่วร่างกาย
ท่าปลา Matayasana
วิธีการฝึก
การฝึกท่านี้จะเป็นการบริหารปอด ทรวงอกจะขยาย หลอดลมจะเปิดกว้างทำให้หายใจสะดวกและหายใจได้เต็มที่
1.             นอนในท่าศพ เมื่อพร้อมแล้วก็หุบขา มือวางข้างลำตัวให้มือคว่ำ
2.             วางมือหลังสะโพก ปลายนิ้วชี้ไปที่เท้ามือสอดไว้ใต้ก้น (ตำราบางเล่มให้ข้อศอกตั้งฉากดังในรูปล่าง)
3.             แอ่นลำตัวและอก เงยศีรษะไปด้านหลัง คอไม่เกร็ง ให้กลางศีรษะจรดพื้นคงท่าไว้ดังรูปบน(สำหรับผู้ที่ให้ศอกตั้งฉากก็ให้แอ่นอกและเงยหน้าให้มากที่สุดดังรูปล่าง)
4.             คลายท่าโดยการก้มคอกลับท่าเดิม
ท่าพลิกแพลง
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกไม่ควรจะฝึก ให้ฝึกท่าปลาได้สักรยะหนึ่งโดยที่ไม่มีอาการปวดเมื่อยจึงให้ฝึกท่าพลิกแพลง การฝึกเหมือนท่าปลาแต่เท้าให้ขัดสมาธิ์เหมือนในท่าดอกบัว
ประโยชน์ช่วยลดอาการตึงคอ ไหล่และหลัง

ประโยชน์ของท่าโยคะต่อระบบหายใจ

 อวัยวะที่สำคัญของระบบหายใจประกอบไปด้วย

o  ปอด

o  หลอดลม หลอดลมแยก

o  หลอดคอ

o  หลอดเสียง

o  รูจมูกทั้งสองข้าง

อวัยวะทั้งหมดที่กล้าวมาต้องแข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทภาพ

และโดยเฉพาะรูจมูก หลอดลม หลอดเสียง ต้องสะอาด โล่ง ไม่มีอะไรมาอุดตันจะเห็นว่าการทำหน้าที่ของระบบหายใจและระบบไหลเวียนต้องทำหน้าที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด

                        ท่าโยคะหรืออาสนะ ที่มีประโยชน์ต่อระบบการหายใจ

            วิธีฝึกลมปราณหรือปราณยามะ วิธีทำความสะอาดรูจมูกทั้งสองข้าง วิธีเบ่งลมพิษหรือลมหมักหมมออกจากปอด ที่เรียกว่า CLEANSING BREATH

o  ท่าวัชระสมบูรณ์แบบ

o  ท่าปลา

o  ท่าสิงโต

o  ท่ายืนด้วยหัวไหล

o  ท่าหายใจแบบโยคะสมบูรณ์แบบ

ท่าโยคะเหล้านี้ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในกระแสโลหิต ไหลเวียนไปเลี้ยงทั่วร่างกาย
ท่าปลา Matayasana
วิธีการฝึก
การฝึกท่านี้จะเป็นการบริหารปอด ทรวงอกจะขยาย หลอดลมจะเปิดกว้างทำให้หายใจสะดวกและหายใจได้เต็มที่
1.             นอนในท่าศพ เมื่อพร้อมแล้วก็หุบขา มือวางข้างลำตัวให้มือคว่ำ
2.             วางมือหลังสะโพก ปลายนิ้วชี้ไปที่เท้ามือสอดไว้ใต้ก้น (ตำราบางเล่มให้ข้อศอกตั้งฉากดังในรูปล่าง)
3.             แอ่นลำตัวและอก เงยศีรษะไปด้านหลัง คอไม่เกร็ง ให้กลางศีรษะจรดพื้นคงท่าไว้ดังรูปบน(สำหรับผู้ที่ให้ศอกตั้งฉากก็ให้แอ่นอกและเงยหน้าให้มากที่สุดดังรูปล่าง)
4.             คลายท่าโดยการก้มคอกลับท่าเดิม
ท่าพลิกแพลง
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกไม่ควรจะฝึก ให้ฝึกท่าปลาได้สักรยะหนึ่งโดยที่ไม่มีอาการปวดเมื่อยจึงให้ฝึกท่าพลิกแพลง การฝึกเหมือนท่าปลาแต่เท้าให้ขัดสมาธิ์เหมือนในท่าดอกบัว
ประโยชน์ช่วยลดอาการตึงคอ ไหล่และหลัง